
Ansoff Matrix เฟรมเวิร์คที่ช่วยให้คุณขยายธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ ซึ่งนับเป็นเครื่องมือในการช่วยวิเคราะห์และวางแผนการเติบโตของธุรกิจคุณนั่นเอง โดย Ansoff Matrix นั้นถูกพัฒนาโดย H. Igor Ansoff นักบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ ซึ่งมันช่วยให้นักธุรกิจและนักการตลาดในการทำความเข้าใจความเสี่ยงต่างๆในการขยายธุรกิจ โดย Ansoff Matrix นั้นมีอยู่ 4 กลยุทธ์ด้วยกัน คือ กลยุทธ์การเจาะตลาดด้วยผลิตภัณฑ์เดิม (Market Penetration) กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดเดิม (Product Development) กลยุทธ์บุกตลาดใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์เดิม (Market Development) และ กลยุทธ์หลายด้านด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดใหม่ (Market Development)

1. กลยุทธ์การเจาะตลาดด้วยผลิตภัณฑ์เดิม (Market Penetration)
กลยทุธ์เจาะตลาดที่บริษัทใช้ผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ในตลาด หรือเรียกได้ว่าเป็นการพยายามเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดนั่นเองครับ สามารถทำได้โดย
- การลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าเก่า หรือแม้แต่ลูกค้าใหม่ๆ
- การออกโปรโมชันใหม่ๆ และหาช่องทางการกระจายสินค้าใหม่ๆ
- พยายามโจมตีคู่แข่งในตลาดเดียวกัน
2. กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดเดิม (Product Development)
กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยการทำวิจัยและพัฒนา เพื่อหาโอกาสในการขยายสายผลิตภัณฑ์ ที่ควรใช้เมื่อธุรกิจนั้นมีความเข้าใจในตลาดอย่างถ่องแท้ และสามารถนำเสนอนวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ สามารถทำได้โดย
- ลงทุนค่อนข้างมากในการทำวิจัยและพัฒนา (Research & Development – R&D) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเข้าสู่ตลาดเดิม
- นำผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งมาวิเคราะห์ และใช้ทรัพยากรอย่างเป็นประโยชน์ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบสนองความต้องการลูกค้าสำหรับตลาดใหม่
- หาคู่ค้าทางธุรกิจในการเข้าถึงช่องทางการกระจายผลิตภัณฑ์
3. กลยุทธ์บุกตลาดใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์เดิม (Market Development)
การบุกตลาดใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์เดิมนั้น หมายถึง การเจาะตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็น ภูมิภาคใหม่ๆ กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง โดยธุรกิจนั้นมีเทคโนโลยีการผลิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และใช้ประโยชน์จากกลุ่มตลาดใหม่เพื่อสร้างกำไร และพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นต้องไม่ต่างจากตลาดเดิมมากเกินไป สามารถทำได้โดย
- จัดกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ให้ชัดเจน
- บุกตลาดใหม่ในประเทศโดยการขยายธุรกิจไปตามภาคต่างๆ
- บุกตลาดใหม่ในต่างประเทศโดยการขยายธุรกิจไปทั่วโลก
ตัวอย่าง เช่น Nike, Adidas ที่บุกตลาดจีนด้วยผลิตภัณฑ์เดิม แต่เป็นตลาดกลุ่มใหม่
4. กลยุทธ์หลายด้านด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับตลาดใหม่ (Diversification)
นับเป็นกลยุทธ์ที่ดูมีความเสี่ยงมากที่สุด ที่ทั้งจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และบุกตลาดใหม่ แม้ว่ากลยุทธ์ที่สร้างความหลากหลายนี้อาจทำให้เกิดการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ เข้าถึงความต้องการใหม่ๆ และสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำก็ตาม ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ต้องลงทุนค่อนข้างสูงกับทั้งตัวผลิตภัณฑ์และการเจาะตลาด ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
- ความหลากหลายที่เกี่ยวข้องกันระหว่างธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ กับผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดใหม่ เช่น ธุรกิจทำรองเท้าหนังที่ขยายสายการผลิต ไปทำกระเป๋าหนัง เบาะหนัง โซฟาหนัง
- ความหลากหลายที่ไม่เกี่ยวข้องกันระหว่างธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ กับผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดใหม่ เช่น ธุรกิจทำรองเท้าหนังเริ่มแตกสายการผลิตไปทำโทรศัทพ์มือถือ
การใช้ Ansoff Matrix ให้ได้ผลดีนั้นก็ควรใช้การทำ SWOT Analysis และเทคนิคอื่นๆมาช่วย เพื่อให้การวิเคราะห์ในการขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น